ขึ้นศาลเรื่องรถ ไม่มีรถคืน โดนฟ้องยักยอกทรัพย์

ขึ้นศาลเรื่องรถ แล้วไม่มีรถคืน ทำไงดี

ท่านผิดสัญญาเช่าซื้อ บริษัทเช่าซื้อยกเลิกสัญญาเช่าซื้อ รถยนต์ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทเช่าซื้อบริษัทเช่าซื้อมีสิทธิ์ ยึดรถในความครอบครองของท่านคืน และริบเงินค่าเช่าซื้อที่ผ่อนมาแล้วทั้งหมดได้

ในกรณีที่ท่านขึ้นศาลเรื่องรถ ไม่มีรถคืน เมื่อบริษัทเช่าซื้อฟ้องท่านต่อศาล สามารถเขียนในคำขอท้ายฟ้องให้ท่านคืนรถคันดังกล่าวหรือหากไม่สามารถคืนได้ให้ใช้ราคารถยนต์นั้นแทน ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาสามารถขอได้ตามกฎหมาย


ไม่มีรถคืน โปรดฟัง ถ้าไม่อยากพลาด !!!

ไม่อยากติดคุก คดียักยอกรถยนต์ อ่านก่อน!!


กรอกข้อมูล ปรึกษากับ Lawyersiam

เมื่อเราได้รับเรื่องราวแล้ว จะรีบทำการติดต่อกลับ เพื่อทำการให้คำแนะนำและแก้ไขปัญหากันต่อไป


กรณีที่ ขึ้นศาลหรือโดนฟ้องศาลเรื่องรถแล้วไม่มีรถคืน กับเจ้าของกรรมสิทธิ์รถนั้น ต้องดูสาเหตุด้วย

  1. เช่นรถท่านถูกขโมยไปท่านจะต้องไปแจ้งความ เพื่อ ตามจัดการกับผู้ที่ขโมยรถยนต์ของท่านไปและจัดการเรื่องเคลมประกันด้วย หากรถยนต์ท่านทำประกันชั้น 1 และมีการคุ้มครองรถยนต์ ในกรณีมีการสูญหายเกิดขึ้น
  2. แต่หากท่านนำรถของท่านไปจำนำเถื่อน จะมาอ้างว่ารถถูกขโมยหรือรถหายไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นท่านจะถูกแจ้งในข้อหาแจ้งความเท็จ อย่าคิดและอย่าหาทำ ไม่ดี
  3. การไม่มีรถคืน ท่านอาจจะถูกแจ้งความในข้อหาอาญายักยอกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352    ( อ่านดูเพื่อหาคำตอบ คดียักยอกทรัพย์ มีทางออกยังไง ??? >>)

สำหรับในเรื่องเกี่ยวกับรถยนต์ สาเหตุมาจากที่ท่านไปผ่อนรถยนต์ไว้กับบริษัทไฟแนนซ์ลีสซิ่ง เมื่อถึงเวลา จะต้องผ่อนชำระค่างวดรายเดือนแต่หากว่าท่านไม่ผ่อนชำระค่างวดรายเดือน 3 งวดติดต่อกัน บริษัทไฟแนนซ์ทำการ ส่งหนังสือทวงถามให้กับท่านให้ชำระหนี้ทั้งหมดที่ค้างชำระ ภายใน 30 วัน หากท่านยังไม่ดำเนินการ บริษัท ผู้ให้เช่าซื้อหรือบริษัทไฟแนนซ์จะทำการยกเลิกสัญญาเช่าซื้อ และมีสิทธิ์ติดตาม รถยนต์ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทไฟแนนซ์นั้นคืน

 

ปรึกษาทนายฟรี เรื่องรถ

 

เมื่อท่านผิดสัญญาเช่าซื้อ บริษัทผู้ให้เช่าซื้อก็จะทำการฟ้องท่านเป็นจำเลยต่อศาลเป็นคดีแพ่ง เป็นคดีผู้บริโภคโดยเป็นคดีเช่าซื้อ ในคำขอท้ายฟ้องบริษัทผู้ให้เช่าซื้อ มีการขอให้ท่านชำระค่างวดที่คงค้างชำระและขอให้คืนรถยนต์ด้วย โดยในการฟ้อง อาจจะแบ่งออกเป็นกรณีที่ท่านได้คืนรถไปแล้ว กลับกรณีที่ขณะฟ้องท่านยังไม่ได้คืนรถให้กับบริษัทผู้ให้เช่าซื้อ คำขอท้ายฟ้องอาจจะมีความแตกต่างกัน แต่ที่แน่ๆถ้าเช่าซื้อที่ผ่อนชำระไปแล้วท่านจะถูกริบ อันนี้เป็นสิทธิ์ตามกฎหมาย

“เรื่องราวต่างๆ มีรายละเอียดปลีกย่อย และความซับซ้อน บทความที่นำเสนอบนเว็บเป็นเพียงความรู้เบื้องต้น เราไม่สามารถบอกได้ทุกเรื่อง ทางที่ดีควรปรึกษากับทนายโดยตรง เป็นผลดีกับท่านมากกว่า”
ทนายความ Lawyersiam

กรณีที่ยังไม่ได้คืนรถ ให้กับบริษัทไฟแนนซ์

จะต้องทำการชำระราคารถยนต์ส่วนที่คงเหลือ ให้ทางบริษัทผู้ให้เช่าซื้อ อธิบายได้ดังนี้ ท่านซื้อรถยนต์มาในราคา สวัสดีครับ 1.5 ล้านบาท ทำเรื่องผ่อนรถยนต์กับบริษัทไฟแนนซ์รวมดอกเบี้ยรวม vat เป็นราคา 1.7 ล้านบาท เมื่อท่านทำการผ่อนชำระไปได้แล้วเป็นยอดเงิน 1,000,000 บาท คำนวณแล้วเหลือเงินที่จะต้องทำการผ่อนชำระเป็นงวดกับไฟแนนซ์รวมอีกเป็นจำนวน 700,000 บาท แต่เมื่อท่านไม่สามารถผ่อนชำระเป็นงวดให้กับไฟแนนซ์โดยติดค้างชำระค่างวดเป็นเวลา 3 เดือน รวมระยะเวลาทวงถามอีก 1 เดือนรวมเป็น 4 เดือน ไฟแนนซ์จึงทำการมาฟ้องเป็นคดีแพ่งต่อศาล เป็นคดีผู้บริโภค จึงต้องฟ้องตามภูมิลำเนาของจำเลย

ตามคำขอท้ายฟ้องในคดีนี้ มีคำขอให้ชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ(ก่อนบอกเลิกสัญญา) และให้คืนรถยนต์แก่บริษัทไฟแนนซ์หรือหากคืนไม่ได้ใช้ราคา และมีค่าขาดประโยชน์ ของรถยนต์คันดังกล่าวจนกว่าท่านจะคืนรถยนต์คันดังกล่าวให้กับไฟแนนซ์ หรือใช้ราคาเสร็จสิ้น

สรุปง่ายๆขึ้นศาลเรื่องรถถ้าไม่มีรถยนต์มาคืนท่านก็ต้องใช้ราคา กรณีรถยนต์ของท่านถูกขโมยหรือหายไป นั่นไม่ใช่ความรับผิดชอบในส่วนของบริษัทผู้ให้เช่าซื้อหรือไฟแนนซ์ไฟแนนซ์ แต่เป็นหน้าที่ของท่านที่จะต้องไปแจ้งความในข้อหาลักทรัพย์ และดูด้วยว่ารถคันนี้มีประกันชั้น 1 ที่คุ้มครองเรื่องรถหายหรือถูกโจรกรรมหรือไม่ ซึ่งถ้ามีประกันที่คุ้มครองเรื่องถูกโจรกรรมประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 จะมีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนนี้แต่อาจจะไม่เต็มวงเงิน ซึ่งใน คดีลักทรัพย์ที่จะฟ้องใหม่ท่านเป็นโจทก์ ฟ้องจำเลยผู้ขโมยรถยนต์ของท่าน สามารถเรียกค่าเสียหายเงินจากจำเลยในคดีลักทรัพย์

โดยในส่วนนี้มีเรื่องเกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์มาเกี่ยวข้องหากท่านทำประกันรถยนต์ชั้น 1 และคุ้มครองในเรื่องรถยนต์หายไปเนื่องจากการถูกขโมยด้วย ส่วนนี้บริษัทที่รับประกันภัยก็จะเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ถ้าไม่มี ประกันภัยมารับผิดชอบเรื่องมูลค่ารถหายท่านต้องรับผิดชอบเองไปก่อน

การลดความเสี่ยง ในการขึ้นศาลเรื่องรถยนต์

ตอบแบบกำปั้นทุบดิน ใช้รถยนต์ที่มันราคาถูกหน่อยคือให้มีค่าผ่อน ชำระรายเดือนเป็นจำนวนเงินน้อย อย่างน้อยก็เป็นการลดความเสี่ยง ยามที่เศรษฐกิจมันไม่ดีหรือรายได้ไม่เข้าเป้า เช่นคุณผ่อนชำระรถยนต์รายเดือนเดือนละ 20,000 บาท กลับไปซื้อรถยนต์มือสองอายุงานซัก 2-3 ผ่อนชำระรายเดือนเดือนละ 12,000 บาท ความเสี่ยงต่างกัน 8,000 บาท เมื่อคุณเศรษฐกิจไม่ดีการผ่อนชำระรถยนต์เดือนละ 20,000 บาทกับ 12,000 บาทมันต่างกันมาก อันนึงแล้วรถยนต์ไม่จำเป็นจะต้องซื้อมือหนึ่งเสมอไปหากท่านดูรถยนต์เป็นหรือให้ผู้ที่ดูรถยนต์เป็นไปช่วยดูรถยนต์ให้ท่าน

รุ่นรถยนต์ที่เลิกใช้ไม่จำเป็นจะต้องใช้รุ่นท็อปเสมอไปด้วย ขอแค่มี Option ความปลอดภัยให้ครบก็พอ แค่นี้ท่านจะสามารถลด ราคารถยนต์ได้นั่นเป็นการลดค่าใช้จ่ายของท่าน ได้เป็นเงินมากโข

แบบนี้ท่านอาจมีความจำเป็นในการใช้รถยนต์บ้างโดยเฉพาะในวันหยุด อาจจะต้องเดินทางไปต่างจังหวัดกลับบ้าน เยี่ยมพ่อแม่ เยี่ยมครอบครัว รถยนต์ที่ใช้จึงอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้รถยนต์มือหนึ่งก็ได้ท่านอาจจะใช้รถยนต์มือสองที่เป็นแบรนด์รองซึ่งราคาไม่แพงมาก ในราคามือสอง

รถยนต์บางกรณีไม่จำเป็นที่ต้องใช้รถยนต์ที่มีขนาดใหญ่หรือรุ่นสูงสุดในตลาด เช่นแทนที่จะซื้อรถยนต์ SUV ซึ่งราคาแพง ท่านอาจจะใช้แค่รถยนต์นั่ง 4 ประตูอเนกประสงค์ แล้วนำมาปรับแต่งช่วงล่าง สมรรถนะก็จะ ต่างกับ SUV ไม่มาก และหากท่านซื้อรถยนต์เป็นรถยนต์มือสองท่านจะประหยัดเงินได้อีกหลายบาทเช่นกัน

การที่ฐานราคารถยนต์ราคาถูก เงินที่ใช้ผ่อนชำระค่างวดรายเดือนจะมียอดเงินน้อยกว่า เรียกว่าผ่อนอย่างสบายใจ เศรษฐกิจไม่ดีท่านก็ยังประคองตัวอยู่ได้ คิดง่ายๆใช้สอยให้ประหยัดเข้าไว้ เศรษฐกิจไม่ดียังไงคนอื่นไม่รอดแต่เรายังรอด ดีกว่าโดนไฟแนนซ์มายึด หรือขึ้นศาลเรื่องรถแล้วไม่มีรถคืนจะเป็นเรื่องยุ่งยากมากกว่าเดิม และท่านจะเสียหายมากด้วย

(หากต้องการใช้บริการหลักทรัพย์ Click หลักทรัพย์ประกันตัว) >>

ผ่อนชำระรถยนต์ อย่าผิดสัญญาเช่าซื้อ

การที่ท่านผิดสัญญาเช่าซื้อในเรื่องการผ่อนชำระรถยนต์จะทำให้ท่านมีความเสียหายอย่างมาก และจะบอกว่ารถยนต์ถึงแม้ว่าเราจะคืนกับบริษัทไฟแนนซ์ไปแล้ว เขานำไปประมูลขายทอดตลาดได้เงินไม่พอมาใช้หนี้เขาก็จะนำคดีมาฟ้องต่อศาลมาเรียกเงินส่วนต่างจากเราได้ ดังนั้นอย่าคิดว่าเรา ขึ้นศาลเรื่องรถและคืนรถไปแล้ว คดีมันจะจบ ไม่จบนะครับ เน้นย้ำเลย ไม่ใช่คืนรถแล้วคดีจะจบ

กรณีท่านผิดสัญญาเช่าซื้อ ผู้ค้ำประกัน > การเช่าซื้อรถยนต์ของท่าน จะโดนฟ้องเป็นจำเลยที่ 2 ร่วมกับท่านเป็นจำเลยที่ 1 ด้วย จึงฝากเตือนไว้การกระทำของท่านจะมีผู้เดือดร้อนหลายคน

การถูกฟ้องเป็นจำเลย เมื่อขึ้นศาลเรื่องรถ ไม่มีรถคืน เราก็จะถูกเจ้าหนี้เรียกให้ใช้ราคาแทน และถูกเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถคันดังกล่าวด้วย

กลับหน้า บทความคดี อาญา


อ่านบทความตามหมวดหมู่ :  แพ่งอาญาทั่วไปศาลสัญญา